สถานที่ท่องเที่ยว

5 ที่เที่ยวไต้หวันใครไม่ไปถือว่าพลาด!!!

   แม้ว่าประเทศไต้หวันจะเป็นเพียงเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลากหลายแบบตั้งแต่ภูเขาสูงมากกว่า 3,000 เมตรหลายลูก, ชายหาดขาวสะอาดและน้ำทะเลสดใส วัดและศาลเจ้าจีนที่ยิ่งใหญ่สวยงาม รวมถึงสิ่งเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจตามวัฒนธรรมของชาวไต้หวันเองด้วย ในบทความนี้เราจึงรวมเอา 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวไต้หวันมาให้ชมกัน ซึ่งแต่แห่งล้วนแต่สวยงามจนเป็น Landmark สำคัญทั้งนั้น





1.ตึกไทเป 101(Taipei 101) 


     ตึกไทเปเป็นหนึ่งใน Landmark หลักของเมืองไทเป เป็นตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก(ปี 2004 เคยสูงที่สุดในโลก) มีควาสูงมากถึง 508 เมตร เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเมื่อมาเยือนไทเป ขนาดที่มีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นของตัวเอง ที่ด้านบนจะมีจุดชมวิวในร่มที่ชั้น 89 และสามารถขึ้นบันไดต่อไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย

     ตึกไทเป 101 มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อและชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น ที่ชั้น 1-5 จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้าที่ขายของแบรนด์เนม ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ โดยที่ชั้น 5 จะมีเค้าเตอร์ขายตั๋วสำหรับขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 89 ที่เรียกว่า Taipei 101 Observatory ซึ่งเป็นลิฟท์ที่ได้รับการลงเป็นสถิติว่าเร็วที่สุดในโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด(Guinness Book World Records) ที่ความเร็ว 1010 เมตรต่อนาที โดยภายในลิฟท์จะมีหน้าจอที่เพดานลิฟท์ทำเหมือนว่าเรากำลังพุ่งออกไปในอวกาศให้ชมระหว่างอยู่ในลิฟท์ด้วย ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ขึ้นมาถึงชั้น 89 ซึ่งเป็นชั้นชมวิวกว้างๆอยู่ในอาคาร จากนี้จะมีบันไดให้เดินขึ้นไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย และสามารถเดินลงที่ชั้น 88 เพื่อไปดูลูกตุ้มยักษ์ Wind Damper ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของตึกเมื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและลมพายุ


ภายในโซนห้างที่ชั้น 1-5 ของตึกไทเป 101 Taipei 101

     ความลับความเเข็งเเรงและถือเป็นไฮไลท์ของตึกไทเป 101 คือ “ลูกตุ้มแดมเปอร์” (Tuned Mass Dumper) ที่มีน้ำหนักถึง 660 เมตริกตัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5.5 เมตรอยู่ระหว่างชั้นที่ 87-91 คอยทำหน้าที่ถ่วงน้ำหนักของอาคารที่ต้องปะทะกับลมเเรงเเละเหตุการณ์เเผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลของอาคาร เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอาคารไม่รู้สึกโคลงเคลง โดยลูกตุ้มแดมเปอร์ลูกยักษ์ลูกนี้มีมูลค่าถึง 132ล้าน NT ซึ่งมีตุ๊กตาแมสค็อตก็คือ น้องแดมเปอร์ (Dumper Baby) เป็นสัญลักษณ์อีกด้วย


ลูกตุ้มยักษ์ Mass Damper ของตึกไทเป 101 Taipei 101



2.พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาติกู้กง(National Palace Museum, 國立故宮博物院)


     เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของเมืองไทเป และไต้หวัน อยู่ชานเมืองตอนบนชิดริมเนินเขาของไทเป กินอาณาบริเวณกว้างขวาง มีโซนจัดแสดงหลักอยู่ในอาคารขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบพระราชวังจีนโบราณโดยมีผนังสีเหลืองและหลังคาเซรามิคสีเขียว สูง 4 ชั้น 1 อาคารและอีกสองโถงจัดนิทรรศการ ซึ่งมีการจัดแสดงสมบัติโบราณวัตถุและศิลปะต่างๆของชาวจีนอยู่มากกว่า 700,000 ชิ้นงาน ทำให้เป็นพิพิธภัณท์ที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มากที่สุดในโลก


ซุ้มประตูหน้าทางเข้าพิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง National Palace Museum

โบราณวัตถุต่างๆที่จัดแสดงอยู่ภายใน พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาตินี้ ส่วนใหญ่ถูกนำมาจากในพระราชวังต้องห้าม(Forbidden City)ของเมืองปักกิ่งที่ถูกขนย้ายมาในช่วงสงครามกลางเมืองจีน ซึ่งถูกย้ายมาในช่วงที่เจียงไคเชก แพ้สงครามแล้วล่าถอยมาอยู่ที่เกาะไต้หวันแห่งนี้ ซึ่งภายในหลังมีการสร้างอาคารพิพิธภัณท์จัดแสดงขึ้นที่นี่ด้วย ซึ่งมีตั้งแต่วัตถุโบราณตั้งแต่ 10,000 ปีก่อน ยุค Neolithic มาจนถึงยุคราชวงศ์ฉิง(Qing Dynasty)


อาคารจัดแสดงหลักของพิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง National Palace Museum

     ภายในอาคารจัดแสดงหลักมีอยู่ด้วยกัน 4 ชั้นประกอบด้วย

🈷ชั้น 1 มีหนังสือหายาก ส่วนจัดแสดงนิทรรศกาพิเศษ เฟอร์โบราณในยุคราชวงศ์ฉิง(Qing Dynasty)และหมิง(Ming Dynasty) รูปปั้นด้านศาสนาและ แกลอรี่ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละราชวงศ์จีน

🈷ชั้น 2 จะเป็นภาพวาด ภาพเขียนตัวอักษร งานเซรามิคต่างๆของจีน มีโซนที่เป็น Interactive และ Virtual Tour สำหรับภาพวาดที่มีชื่อเสียง 20 ภาพ

🈷ชั้น 3 จัดแสดงเกี่ยวกับผลงานทองสำริด, อาวุธ, เครื่องประดับ, หยก, กาน้ำชา และงานแกะสลักจากยุคราชวงศ์ Ming และ Qing

🈷ชั้น 4 จะมีร้านน้ำชา ที่มีน้ำชาและติ่มซำให้บริการ


     นอกจากนี้ที่ด้านข้างของพิพิธภัณท์พระราชแห่งชาติวังกู้กงจะมี สวนจื้อซั่น(Zhi Shan Garden) ซึ่งเป็นสวนที่ออกแบบและตกแต่งสไตล์จีนได้อย่างสวยงาม มีสระน้ำหลายสระ มีสะพานที่สวยงามข้ามสระน้ำ และศาลาสวยๆไว้นั่งพักชมวิว ถ้าซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณท์แล้วจะเข้าได้ฟรี ถ้าไม่งั้นจะมีค่าเข้าชม 20 เหรียญ


บรรยากาศที่สวนจื้อซั่น(Zhi Shan Garden)

 
วัตถุโบราณในพระราชวังต้องห้ามกู้กง

ข้อมูลการเข้าชม และ เวลาเปิดบริการ 
   สถานที่จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 โซน ได้แก่ พื้นที่จัดแสดงงานนิทรรศการ ที่หนึ่ง (อาคารหลัก) อาคารห้องสมุด อนุสรณ์สถานนายจางต้าเชียน สวนจือชาน สวนจือเตอ และศูนย์ศิลปะเด็ก โดยแต่ละที่จะมีวิธี และเวลาการเข้าชมแตกต่างกันค่ะ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ https://www.npm.gov.tw. 



3.อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก(Chiang Kai-Shek Memorial Hall)



      เป็นหนึ่งสัญญลักษณ์ของประเทศไต้หวัน และสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ต้องมาของเมืองไทเป สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1976 เพื่อเป็นการรำลึกและเทิดทูนอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเชก เป็นอาคารสีขาวทั้ง 4 ด้านมีหลังคาทรง 8 เหลี่ยมสีน้ำเงินแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางของจตุรัสเสรีภาพ(Freedom Square) มีบันไดด้านหน้า 89 ขั้นเท่ากับอายุของท่านประธานาธิบดี โดยภายในจะมีรูปปั้นทำจากทองสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งขนาดใหญ่ที่มีใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากรูปปั้นของท่านในที่อื่นๆ ซึ่งจะมีทหารยืนเฝ้าไว้ 2 นายตลอดเวลา และที่กำแพงด้านในหลังจะมีข้อความปรัชญาทางการเมืองการปกครองของท่านอยู่ 3 คำ คือ จริยธรรม ประชาธิปไตย และวิทยาศาสตร์


     ส่วนที่ชั้นล่างของอนุสรณ์สถานจะเป็นห้องจัดแสดงประวัติของอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเชก ซึ่งจะมีภาพถ่ายต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ไปจนถึงรถยนตร์ส่วนตัว และฉากจำลองการทำงานของท่าน ไปจนถึงเรื่องราวของการพัฒนาไต้หวันในด้านต่างๆให้ชมกันด้วย






   ไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวชมอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก คือพิธีเปลี่ยนเวรทหาร ซึ่งจะมีทุกๆต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:00-16:00 ของทุกวัน นอกจากนี้ก็จะมีพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในตอนเช้าตรู่และในตอนเย็นด้วย คือเวลา 06:00 และ 18:10 ในช่วงเดือนเมษายน-เดือนกันยายน อีกช่วงคือเวลา 06:30 และ 17:10 ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม ซึ่งทหารที่ทำหน้าที่นี้จะผลัดเปลี่ยนกันมาจาก 3 เหล่าทัพซึ่งจะมีสีของชุดยูนิฟอร์มไม่เหมือนกัน โดยจะทำหน้าที่กันครั้งละ 4 เดือน






4.ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake, 日月潭)

 

     Sun Moon Lake หรือชื่อไทยแบบเก๋ๆ ว่า ทะเลสาบสุริยันจันทรา คาดว่าน่าจะเป็นจุดหมายสำหรับคนที่จะไปไต้หวันทุกคนอย่างแน่นอน ด้วยธรรมชาติภูเขาที่โอบล้อมทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเอาไว้ บอกได้เลยวิวที่ได้เห็นจะทำให้หัวใจปลอดโปร่งไปชั่วขณะหนึ่งเลยล่ะค่ะ

ที่มาของชื่อทะเลสาบ Sun Moon Lake นั้นมาจากการที่ทะเลสาบมีด้านตะวันออกที่คล้ายกับรูประอาทิตย์ และทางด้านตะวันตกคล้ายกับรูปพระจันทร์เสี้ยว มีความสวยงามและความสมบูรณ์ของธรรมชาติมากถึงขนาดได้ชื่อเล่นว่าเป็น “สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน” 


แลนด์มาร์กสำคัญของไต้หวันขนาดนี้ จะพลาดไม่ไปเที่ยวได้ยังไง ใช่ไหมล่ะคะ? การเดินทางไปทะเลสาบจันทร์เสี้ยวแห่งนี้ไม่ยากไม่ง่ายค่ะ แต่อาจใช้เวลาเดินทางนานหน่อย

     ทะเลสาบสุริยันจันทราตั้งอยู่ในเมืองหนานโถว ซึ่งใกล้กับเมืองไทจงค่ะ ดังนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือนั่งรถไฟความเร็วสูง High Speed Rail จากสถานี HSR ไทเป ไปลงที่สถานี HSR ไทจง ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แล้วนั่งรถบัส Nantou Bus ต่อไปทะเลสาบ ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง
หรือเลือกจองรถรับ-ส่งส่วนตัวจากสถานี HSR ไทจง รถสำหรับ 1-4 คน หรือ 5-8 คน

กิจกรรมที่ทะเลสาบ Sun Moon Lake🌅
     ไปทะเลสาบสุริยันจันทราไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรทำเลยค่ะ ที่นี่เค้ามีกิจกรรมหลากหลายคอยให้บริการ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสความสวยงามตามธรรมชาติของที่นี่ได้อย่างเต็มที่

👉ปั่นจักรยานชมทะเลสาบ Sun Moon Lake


     อย่างแรกที่ขึ้นชื่อสุดๆ เลยก็คือ การปั่นจักรยานชมทะเลสาบค่ะ เส้นทางจักรยานของที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 10 เส้นทางจักรยานที่สวยที่สุดในโลก จัดอันดับโดย CNN เมื่อปี 2012 ด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นรับรองว่าสวยงาม แถมได้ออกกำลังกายไปในตัว ที่ทะเลสาบมีบริการจักรยานให้เช่าค่ะ สะดวกพร้อมมากๆ ที่ทะเลสาบเค้ามีเส้นทางจักรยานหลายรูปแบบให้เลือก ตั้งแต่เส้นทางสำหรับนักปั่นมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพเลยทีเดียว เส้นทางที่ง่ายที่สุดก็คือ จาก Shuishe Visitor Center เป็นเส้นทางปั่นเลียบทะเลสาบ ซึ่งเหมาะกับการปั่นกินลมชมวิว ชิลๆ ค่ะ

👉นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมทะเลสาบ Sun Moon Lake 


     ต่อมาก็คือกิจกรรมการนั่งกระเช้าลอยฟ้า ระยะทาง 1.87 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7 นาที ชมวิวทะเลสาบจากมุมสูง จะเห็นรูปทรงของแหล่งน้ำที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแบบชัดๆ ถ้าหากขึ้นตอนช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะเพิ่มความโรแมนติกเข้าไปอีกค่ะ กับวิวทะเลสาบที่ถูกอาบด้วยแสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ใครไปเป็นคู่ลองเพิ่มกิจกรรมนี้ไปในโปรแกรมเติมความหวานให้ความสัมพันธ์ได้นะคะ

👉การล่องเรือชมทะเลสาบสุริยันจันทรา


     การล่องเรือถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตสำหรับการชมทิวทัศน์ธรรมชาติโดยรอบของทะเลสาบสุริยันจันทรา โดยสามารถชื่นชมได้ทั่วบริเวณและใช้เวลาไม่นานนัก สำหรับตั๋วเรือสามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor Center) อาคารหน้าจุดลงรถบัสได้เลยและเป็นจุดแลกตั๋วเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์มาอีกด้วย และการซื้อตั๋วเรือนั้นจะมีผู้ประกอบการหลายเจ้าคอยให้บริการอยู่แต่จะแตกต่างกันออกไปตามโปรโมชันของแต่ละราย เรือเที่ยวแรกเริ่มตั้งแต่ 08.45 น. และเที่ยวสุดท้ายเวลา 18.00 น. โดยประมาณ


     การล่องเรือเที่ยวรอบทะเลสาบค่ะ ที่นี่จะมีเรือรับส่งเวียน 3 ท่าเรือ Shuishe, ท่าเรือ Ita Thao, และท่าเรือ Xuanguang Piers ซึ่งให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามอีกมุมมองหนึ่ง เมื่อคุณล่องเรือไปในใจกลางทะเลสาบสุริยันจันทราแห่งนี้




โดยแต่ละท่าเรือก็จะมีที่เที่ยวให้เยี่ยมชมได้ค่ะ ที่ท่าเรือ Shuishe จะเป็นเหมือนศูนย์นักท่องเที่ยวของทะเลสาบ ตั้งอยู่ใกล้กับ Visitor Center ท่าเรือ Ita Thao จะเป็นที่ตั้งของสถานีขึ้นกระเช้าลอยฟ้า และท่าเรือ Xuanguang Piers จะใกล้กับวัดพระถังซัมจั๋ง หรือวัด Xuanguang Temple วัดชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมไปไหว้พระและซื้อไข่ต้มใบชาร้านอาม่ากินกันค่ะ



5.เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น หรือ Jiufen village



    ถนนสายเก่าในจิ่วเฟิ่น(Jiufen Old Street, 九份)เป็นถนนท่องเที่ยวหลักอยู่ที่ย่านเมืองเก่าโดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าท้องถิ่นในบรรยากาศบ้านเรือนและอาคารเก่าๆ เช่น โรงน้ำชา ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนมและอาหารต่างๆ โดยเฉพาะขนมเฉพาะสูตรเมืองจิ่วเฟิ่นเช่น บัวลอยเผือก ลูกชิ้นปลาสูตรโบราณ และโรตีสายไหม โดยจะมีการประดับโคมไฟสีแดงอยู่ที่ด้านบนถนนที่เป็นทางลาดชันและขั้นบันไดด้วย ซึ่งในโซนนี้เองที่จะเห็นโรงน้ำชาที่เป็นอาคารไม้ตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปเหมือนกับในรูปภาพที่สวยงามจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ Animation เรื่องดังจากค่าย Studio Ghibli เรื่อง Spirited Away


หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่นตอนกลางวัน

 

ทางเดินภายในตรอกเล็กของย่านท่องเที่ยวที่จิ่วเฟิ่น

 






🙇Thank you for watching🙇


ขอบคุณแหล่งที่มาจาก:

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ยินดีต้อนรับ

  สวัสดีค่ะ 🙏 ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อก "พาเที่ยวทิพย์ช่วง covid ที่ไต้หวัน"🎉🎊 เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง 😄 ตัวอยู่บ้าน ใจอยู่ไ...